‘‘ตสฺส เม สหาโย สุหทโย [สุหโท (สี.)], สทฺโธ อาสิ อุปาสโก;
โสปิ [โส หิ (สฺยา.)] มํ อนุกมฺปนฺโต, นิวาเรสิ ปุนปฺปุนํฯ
[482]
‘‘‘มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, มา ตาต ทุคฺคติํ อคา;
สเจ อิจฺฉสิ เปจฺจ สุขํ, วิรม ปาณวธา อสํยมา’ฯ
[483]
‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, สุขกามสฺส หิตานุกมฺปิโน;
นากาสิํ สกลานุสาสนิํ, จิรปาปาภิรโต อพุทฺธิมาฯ
[484]
‘‘โส มํ ปุน ภูริสุเมธโส, อนุกมฺปาย สํยเม นิเวสยิ;
‘สเจ ทิวา หนสิ ปาณิโน, อถ เต รตฺติํ ภวตุ สํยโม’ฯ
[485]
‘‘สฺวาหํ ทิวา หนิตฺวา ปาณิโน, วิรโต รตฺติมโหสิ สญฺญโต;
รตฺตาหํ ปริจาเรมิ, ทิวา ขชฺชามิ ทุคฺคโตฯ
[486]
‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, อนุโภมิ รตฺติํ อมานุสิํ;
ทิวา ปฏิหตาว [ปฏิหตา จ (ก.)] กุกฺกุรา, อุปธาวนฺติ สมนฺตา ขาทิตุํฯ
[487]
‘‘เย จ เต สตตานุโยคิโน, ธุวํ ปยุตฺตา สุคตสฺส สาสเน;
มญฺญามิ เต อมตเมว เกวลํ, อธิคจฺฉนฺติ ปทํ อสงฺขต’’นฺติฯ
มิคลุทฺทกเปตวตฺถุ สตฺตมํฯ
8. ทุติยมิคลุทฺทกเปตวตฺถุ
[488]
‘‘กูฏาคาเร จ ปาสาเท, ปลฺลงฺเก โคนกตฺถเต;
ปญฺจงฺคิเกน ตุริเยน, รมสิ สุปฺปวาทิเตฯ
[489]